ฟางเส้นสุดท้าย “ดิว อริสรา” เจอตำรวจนอกเครื่องแบบบุกร้านทำเล็บ จนต้องแฉดับเครื่องชน

ผกก.สน.ทองหล่อ ระบุ ตำรวจอ้างเป็นการตรวจตราทั่วไปตามปกติ ไม่รู้ว่าเป็นร้านของ ดิว อริสรา

จากกรณีกล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพบุคคลมีพิรุธ 2 ราย ขี่รถจักรยานยนต์มาจอดบนิเวณหน้าร้านทำเล็บแห่งหนึ่งภายในซอยทองหล่อที่ ดิว อริสรา เป็นหุ้นส่วนกับเพื่อน พรัอมกับนำโทรศัพท์มือถือออกมาถ่ายภาพหน้าร้าน คล้ายส่งให้ใครบางคนดู เกมสล็อต และขับรถออกจากร้านไป ซึ่งเหตุการณ์นี้เหตุเกิดเมื่อเวลา 19.16 น. ของวันที่ 7 ก.พ. 66 ทำให้ ดิว อริสรา เกิดความไม่ปลอดภัยจึงร้องขอความคุ้มครองจากตำรวจ

อย่างไรก็ตาม ตำรวจยังไม่ทันที่จะส่งกำลังมาคุ้มครอง ปรากฏว่าในวันรุ่งขึ้น คือวันที่ 8 ก.พ.66 ได้มีตำรวจนอกเครื่องแบบ 2 นาย เข้ามาที่ร้านทำเล็บของดิว ที่เปิดบริการตามปกติ โดยมีลูกจ้างผู้หญิงภายในร้านและมีลูกค้ามาใช้บริการอยู่ ระหว่างนั้นทั้ง 2 นาย มาแจ้งคนในร้านว่ามาติดตามคนร้ายลักทรัพย์ที่เป็นต่างด้าว แต่คนในร้านไหวพริบดีได้ถามหาบัตรประจำตัวตำรวจ ก่อนจะมีการโชว์บัตร พบว่าเป็นตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.ทองหล่อ ซึ่งทำให้ดาราสาวตั้งข้อสังเกตว่าร้านเปิดมานานที่ผ่านมาไม่เคยมีตำรวจมาที่ร้าน แต่พอมีเรื่องแฉพนันออนไลน์ กลับมีตำรวจมาเยี่ยมเยียน ทำให้กลายเป็นฟางเส้นสุดท้าย จน ดิว อริสรา ต้องออกมาแฉแบบดับเครื่องชน

ด้าน พ.ต.อ.พันษา อมราพิทักษ์ ผกก.สน.ทองหล่อ ได้เปิดเผยว่า จากกรณีดังกล่าว ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจยศสิบเอก และ สิบโท ของ สน.ทองหล่อ ไปตรวจสอบร้านทำเล็บจริงตามภาพกล้องวงจรปิดที่ได้ถูกนำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้ ซึ่งทางฝ่ายสอบสวนได้มีการเรียกเจ้าหน้าที่ทั้ง 2 มาสอบถามแล้ว ทราบว่า ตำรวจทั้ง 2 นาย กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ ซึ่งจุดร้านดังกล่าวเป็นการปฏิบัติงานตามหน้าที่ เป็นการตรวจตราทั่วไปตามปกติ และไม่ทราบมาก่อนว่า ร้านทำเล็บดังกล่าวเป็นของ ดิว อริสรา

สังคม-ฟางเส้นสุดท้าย

ส่วนกรณีที่ว่าร้านดังกล่าวเปิดมานานแล้ว แต่ไม่เคยมีตำรวจมาตรวจสอบดูแลเลย พ.ต.อ.พันษา เผยว่า ชุดสายตรวจ ชุดสืบสวนนั้นมีแผนการตรวจตราของเขาอยู่แล้ว ซึ่งไม่สามารถคาดเดาได้ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ว่า ร้านดังกล่าวมีคนเข้าออกเยอะมากน้อยแค่ไหน ตำรวจจะพิจารณาและจัดแผนในการตรวจตราพื้นที่ เพื่อเป็นการป้องปรามอาชญากรรมในพื้นที่ หากการกระทำของตำรวจของสน.ทองหล่อประพฤติตนไม่ชอบ ก็จะต้องถูกดำเนินการตามวินัยและขั้นตอนตามกฎหมาย ไม่ปล่อยให้คนไม่ดีลอยนวลอย่างแน่นอน

อ่านข่าวเพิ่มเติม : รอง ผบ.ตร.เตรียมขออนุมัติหมายจับเจ้าของมูลนิธิคุ้มครองเด็กใน จ.สมุทรสงคราม ใช้แรงงานและทำร้ายร่างกายเด็ก ด้าน ปลัด พม. จ่อเพิกถอนใบอนุญาตมูลนิธิฯ

เปิดข้อมูล ‘มูลนิธิคุ้มครองเด็ก’ ใช้แรงงานและทำร้ายร่างกายเด็ก

รอง ผบ.ตร.เตรียมขออนุมัติหมายจับเจ้าของมูลนิธิคุ้มครองเด็กใน จ.สมุทรสงคราม ใช้แรงงานและทำร้ายร่างกายเด็ก ด้าน ปลัด พม. จ่อเพิกถอนใบอนุญาตมูลนิธิฯ

รอง ผบ.ตร.

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล​ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เปิดเผยว่า หลังจากได้รับการร้องเรียนได้ตั้งหลักสอบสวนจากคลิปวิดีโอ โดย ผบ.ตร.ได้มอบหมายให้ลงมาสอบสวนเรื่องนี้ จากการสืบสวนพบว่ามีการทำร้ายเด็กจริง และสอบปากคำเด็กและพบว่าครูยุ่นให้เด็กไปทำงานที่โรงแรมของเพื่อนสนิทผู้หญิง ซึ่งได้รวบรวมพยานหลักฐานแล้วที่จะอนุมัติหมายจับความผิดเรื่องทำร้ายร่างกายกับเรื่องใช้แรงงานเด็ก ซึ่งได้เรียกตำรวจภาค 7, ตำรวจจังหวัดสมุทรสงคราม, และผู้ที่เกี่ยวข้องวางแนวทางแล้ว แต่ตอนนี้ครูยุ่นนำเด็กหนีไป

รอง ผบ.ตร. ระบุว่า การกระทำของครูยุ่นวันนี้เข้าข่ายความผิดอาญา เมื่อนำเด็กหลบหนีไป ยิ่งเป็นการกระทำที่ชัดเจน ได้ให้เจ้าหน้าที่เก็บหลักฐานทั้งหมดในมูลนิธิฯ และให้ผู้กำกับสืบสวนภาค 7 ไล่ข้อมูลทั้งหมด และในวันนี้ (3 พ.ย. 2565) จะลงพื้นที่ไปติดตามความคืบหน้า เวลา 16.00 น. เพื่อเร่งรัดคดีให้ออกหมายจับ และดำเนินการต่อไป

ขณะที่นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ลงพื้นที่จังหวัดสมุทรสงคราม เปิดเผยว่า หลังทราบเรื่องในวันที่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงที่มูลนิธิฯ รวมถึงสอบถามกับเด็กในวันที่ 29 ต.ค. จากนั้นวันที่ 30 ต.ค. ได้เข้าช่วยเหลือเด็กออกมาจำนวน 8 คน

ยังเหลือเด็กที่อยู่ในความดูแลของมูลนิธิฯ อีก 55 คน ซึ่งจะเร่งช่วยเหลือเพิ่มเติม พร้อมทั้งเร่งพิจารณาถอดใบอนุญาตตั้งสถานรับเลี้ยงเด็ก จากการพูดคุยกับเด็กพบว่าเป็นการใช้งานเด็กแต่เด็กไม่ได้ดังใจ ครูยุ่นจึงทำโทษ แต่ไม่มีบาดแผลทำร้ายที่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม การตีเด็กเป็นการกระทำกับเด็กชัดเจน ส่วนการใช้แรงงานเด็กในรีสอร์ตส่วนตัว ความผิดเกี่ยวกับการใช้แรงงานเด็กต้องสอบสวนอีกครั้ง

อัพเดทข่าวสังคม แนะนำข่าวเพิ่มเติม : รัฐบาลเอาใจประชาชน เปิดทำพาสปอร์ตทุกวัน 2 แห่งในกรุงเทพฯ เช็กเลยที่ไหนบ้าง