‘อัลมอนด์’ กินลดไขมันเลวเพิ่มไขมันดี ดีต่อหัวใจ

ถั่วเปลือกแข็ง ‘อัลมอนด์’ เป็น ‘ซูเปอร์ฟู้ด’ มีประโยชน์มากมาย กินอัลมอนด์วันละ 23 เมล็ด ช่วยลดไขมันเลว เพิ่มไขมันดี

อัลมอนด์ เป็นถั่วเปลือกแข็งที่มนุษย์กินมานานกว่าพันปี งานวิจัยยุคใหม่สนับสนุนให้กินอัลมอนด์ 1-2-3 หมายถึงกินอัลมอนด์วันละ 1 ออนซ์ หรือเท่ากับ 23 เมล็ด ได้วิตามินอี บี2 โปรตีน แคลเซียม โพแทสเซียม แมกนีเซียม แมงกานีส และไฟเบอร์ จึงเป็น ซูเปอร์ฟู้ด ที่อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระสูง

ไทม์ไลน์ของอัลมอนด์ :

1,400 ปี ก่อน ค.ศ. : อัลมอนด์เกิดในเอเชียกลาง เอเชียตะวันตก และแถบเมดิเตอร์เรเนียน ชาวกรีกบันทึกว่าอัลมอนด์เป็นอาหารและใช้ทำยา เมื่อราว 1,400 ปีก่อนคริสตกาล

ค.ศ.100 : ชาวโรมันกินอัลมอนด์ในขนมปังและของว่าง

ค.ศ.600-900 : อัลมอนด์เริ่มปลูกในสเปน โมร็อคโค กรีซ อิสราเอล แล้วเดินทางไปตามเส้นทางสายไหมสู่จีน

ยุค 1700s : คณะนักบวชฟรานซิสกัน นำต้นอัลมอนด์จากสเปนไปปลูกในแคลิฟอร์เนีย

ค.ศ.1890 : วินเซนต์ แวน โกะ จิตรกรชาวดัทช์วาดรูปซีรีส์ดอกอัลมอนด์บาน ในหมู่บ้านทางตอนใต้ของฝรั่งเศส

ค.ศ.1900 : การปลูกอัลมอนด์เติบโตในแคลิฟอร์เนีย

ค.ศ.2000 : รัฐแคลิฟอร์เนียปลูกอัลมอนด์มาก และส่งออกมากที่สุด ราว 80% ส่งขายทั่วโลก ที่เหลือกินในประเทศ

อาหาร

อัลมอนด์ทั่วโลก

ญี่ปุ่น ทำขนมอบจากอัลมอนด์ ทำนม เพรทเซล จุ่มช็อกโกแลต

จีน ชอบกินอัลมอนด์ในฤดูใบไม้ร่วง-หนาว พอปีใหม่จะกินอัลมอนด์อบเกลือ และอัลมอนด์รสเป๋าฮื้อ

อินเดีย นิยมให้อัลมอนด์เป็นของขวัญในเทศกาล Diwali

อิตาลี มีอัลมอนด์เคลือบช็อกโกแลต, ชุบน้ำตาลหลากสี สีแดง ให้ในวันจบการศึกษา, สีเขียว ให้ในงานหมั้น, สีน้ำเงิน แสดงความยินดีเมื่อให้กำเนิดลูกชาย, สีชมพู สำหรับลูกผู้หญิง

ฝรั่งเศส มาการองต้องทำจากแป้งอัลมอนด์เท่านั้น หรือทำครีมอัลมอนด์เป็นไส้ขนม ทำมาร์ซิแพน

เยอรมนี ชอบมาร์ซิแพนมาก (marzipan ขนมลูกชุบฝรั่งทำจากแป้งอัลมอนด์) และอยู่ในขนมอบต่าง ๆ

สวีเดน ซ่อนอัลมอนด์ไว้ในพุดดิ้งข้าว ใครหาเจอจะได้แต่งงานปีหน้า

อังกฤษ อัลมอนด์ในขนมอบ และนิยมให้เป็นของขวัญ

อเมริกา สารพัดเมนูจากอัลมอนด์ คุกกี้ อัลมอนด์บัตเตอร์ นม และน้ำมัน แนะนำข่าวเพิ่มเติม>>> เชื้อก่อโรคในหมูสามชั้นต้ม

เชื้อก่อโรคในหมูสามชั้นต้ม

หมูสามชั้น อาหารที่เป็นแหล่งไขมันของคนไทยมาแต่โบราณ ทั้งสามชั้นต้ม ทอดกรอบ หรือทอดน้ำปลา

ล้วนเป็นเมนูที่หลายคนชื่นชอบและทานกันบ่อยปกติเราจะทานเมนูสามชั้นที่ปรุงให้สุกแล้ว ซึ่งไม่น่ามีปัญหาอะไร ทว่าหากระหว่างการนำมาเตรียมหรือปรุงอาหาร ผู้ปรุงไอหรือจามรดอาหาร หรือหากปรุงสุกแล้วเก็บรักษาไว้ในที่ที่มีอุณหภูมิสูง อาจเป็นสาเหตุให้เชื้อโรคที่อาจมีในอาหารเช่น สแตฟิโล ค็อกคัส ออเรียส และ ซาลโมเนลลา มีการเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็ว

และ เมื่อเราทานเข้าสู่ร่างกายก็อาจ เป็นสาเหตุให้เกิดโรคอาหารเป็นพิษได้ สแตฟิโลค็อกคัส ออเรียส เป็นเชื้อที่มีในฝุ่นละออง ขยะมูลฝอย เส้นผม ผิวหนัง และอาจพบปนเปื้อนในอาหารที่มีการสัมผัสกับคน ส่วน ซาลโมเนลลา แทงมวยพักยก เป็นเชื้อที่ปนเปื้อนลงสู่อาหารจากสุขลักษณะที่ไม่ดี ส่วนบุคคลของผู้ปรุง ประกอบและสัมผัสอาหาร เช่น การล้างมือไม่สะอาด เข้าห้องน้ำแล้วไม่ล้างมือ อันตรายของเชื้อ สแตฟิโลค็อกคัส ออเรียส ทำให้เกิดอาการอาหารเป็นพิษ มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง อ่อนเพลีย

รายที่รุนแรงมีอาการปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ ความดันโลหิตเปลี่ยนแปลง ส่วนเชื้อ ซาลโมเนลลา ทำให้เกิดโรคกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ และโรคไข้ไทฟอยด์ วันนี้สถาบันอาหารได้เก็บตัวอย่างหมูสามชั้นต้มจำนวน 5 ตัวอย่าง จาก 5 ร้านค้าในตลาดเขตกรุงเทพฯ เพื่อนำมาวิเคราะห์เชื้อ สแตฟิโลค็อกคัส ออเรียส และเชื้อ ซาลโมเนลลา ปนเปื้อน

ผลปรากฏว่า หมูสามชั้นต้ม 5 ตัวอย่างพบเชื้อ สแตฟิโลค็อกคัส ออเรียส 1 ตัวอย่าง แต่ไม่เกินมาตรฐานกำหนด และตรวจไม่พบเชื้อ ซาลโมเนลลา ในทุกตัวอย่าง เห็นข้อมูลอย่างนี้แล้วขอแนะว่าท่านที่ชอบสามชั้นต้ม ควรอุ่นให้ร้อนก่อนทานทุกครั้ง หรือหากเก็บควรเก็บไว้ในตู้เย็น เพื่อความปลอดภัยจากเชื้อโรค